ก็อบลิน โหมด : ศัพท์แห่งปี สะท้อนชีวิตคนยุคใหม่ที่ไม่ต้องตามกรอบที่สังคมคาดหวัง

พจนานุกรมอ็อกซ์ฟอร์ด เปิดเผยศัพท์แห่งปี  ที่ได้รับเลือกผ่านการลงคะแนนมหาชน

นั่นคือ คำว่า “ก็อบลิน โหมด” (Goblin Mode) เป็นคำสแลงแปลว่า พฤติกรรม “ปรนเปรอตนเองอย่างไม่อับอาย เกียจคร้าน สกปรก หรือตะกละ”

ก็อบลิน โหมด มีความหมายว่าอย่างไรกันแน่ข้อมูลของสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งตีพิมพ์พจนานุกรมภาษาอังกฤษอ็อกซ์ฟอร์ด อธิบายว่า ก็อบลิน โหมด เป็นคำสแลงที่มักใช้กับประโยค อาทิ “ฉันอยู่ในก็อบลิน โหมด” หรือ “เปลี่ยนไปเข้าก็อบลิน โหมด”

สังคมก็อบลิน โหมด

เมื่อใช้คำนี้ จะมีหมายความว่า ผู้ใช้หรือบุคคลนั้น ๆ มีพฤติกรรมประเภท “ปรนเปรอตนเองอย่างไม่อับอาย เกียจคร้าน สกปรก หรือตะกละ แบบไม่ต้องยึดตามบรรทัดฐานหรือความคาดหวังของสังคม”

ผู้คนตระหนักว่าไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตเหมือนช่วงก่อนโควิด Getty Images ผู้คนตระหนักว่าไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตเหมือนช่วงก่อนโควิดคำว่า ก็อบลิน โหมด เริ่มปรากฏในโลกออนไลน์ในปี 2009 หลังกลายเป็นคำไวรัลในปี 2021 จากที่ถูกใช้เป็นคำในพาดหัวข่าวอื้อฉาวของนักแสดงและนางแบบสาว จูเลีย ฟอกซ์ รวมถึงการที่เว็บไซต์ เรดดิท โพสต์ภาพบุคคลที่กระทำตัวเหมือนก็อบลิน

ยิ่งมาตรการรับมือโควิดผ่อนคลายลงทั่วโลก คำนี้เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น จากผู้คนที่ตระหนักว่าไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตเหมือนช่วงก่อนโควิด

ก่อให้เกิดแคมเปญการเลือกคำจำกัดความ โดยมีนิตยสาร พีซี เกมเมอร์ ร้องขอผู้อ่าน “จงยุติความคิดเห็นต่างที่ไร้สาระ แล้วลงคะแนนให้คำว่า ‘ก็อบลิน โหมด’ ไม่ใช่ ‘เมตะเวิร์ส’ ในฐานะคำแห่งปีของอ็อกซ์ฟอร์ด… เพราะ ก็อบลินโหมดควรชนะ”

นี่ถือเป็นครั้งแรกที่คำแห่งปีของอ็อกซ์ฟอร์ด ใช้วิธีเลือกผ่านการโหวตมหาชน เพราะปี 2022 เป็นปีที่มีตัวเก็งคำแห่งปีมากมาย และเสียงแตกค่อนข้างมาก

แคสเปอร์ เกรธโวห์ล ประธานอ็อกซ์ฟอร์ด แลงเกว็จส์ ระบุว่า ผลการลงคะแนนแสดงให้เห็นว่า ผู้คนกำลังยอมรับความเป็นก็อบลินในตัวเอง

“เราหวังว่าประชาชนจะยินดีที่ได้เข้าร่วมในกระบวนการคัดเลือก แต่การมีส่วนร่วมในแคมเปญครั้งนี้ ทำให้เราประหลาดใจมาก”

เราไม่ต้องเป็นบุคคลในอุดมคติและสมบูรณ์แบบ
Getty Images เราไม่ต้องเป็นบุคคลในอุดมคติและสมบูรณ์แบบ
“ความกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมลงคะแนน สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของพจนานุกรมของเรา เพื่อเข้าใจและฉายแสงให้เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นบนโลก”

“สถานการณ์ที่เราเผชิญในปีที่ผ่านมา คำว่า ก็อบลิน โหมด สะท้อนถึงสิ่งที่เรากำลังรู้สึกอย่างเปี่ยมล้น มันเป็นคำที่ทำให้เราผ่อนคลายและยอมรับว่า เราไม่ต้องเป็นบุคคลในอุดมคติและสมบูรณ์แบบ เหมือนที่โลกอินสตาแกรมและติ๊กต๊อกพยายามกำหนดให้เราต้องเป็นผ่านหน้าฟีด”

ส่วนคำที่ได้รับคะแนนเลือกสูงสุดเป็นอันดับ 2 คือ เมตะเวิร์ส 14,484, คะแนน ตามด้วย #IStandWith ที่ได้ 8,639 คะแนน

ซูซี เดนต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้คำบนโทรทัศน์ กล่าวถึงคำแห่งปีว่า “แม้มันจะเป็นตัวเลือกที่ดูไม่จริงจัง แต่ถ้าลองดูลึก ๆ ลงไป จะตระหนักว่า มันเป็นตัวเลือกที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตในปัจจุบันของเรา เรากำลังก้าวถอยหลัง และไม่ต้องการให้ชีวิตของเราถูกตีกรอบโดยตัวกรองต่าง ๆ”

บทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม : “ทำร้ายร่างกาย” ความรุนแรงที่ไม่ควรมองข้าม

“ทำร้ายร่างกาย” ความรุนแรงที่ไม่ควรมองข้าม แนะเหยื่อแจ้งความ ปกป้องสิทธิ

“ความรุนแรง” เป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดคดีความอันดับต้นๆ ในสังคมไทย ซึ่งส่วนใหญ่มักมาจากความขัดแย้ง การทะเลาะวิวาท บันดาลโทสะ จนนำไปสู่การทำร้ายร่างกาย

ปัญหาเหล่านี้ พบได้บ่อยในครอบครัว หรือคนรัก เช่นเดียวกัน และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย และจิตใจ ทั้งการทุบตีทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ พูดจาด่าทอ ให้เกิดความเจ็บใจ หรือความรุนแรงจากการล่วงละเมิดทางเพศ โดยหยิบยืม “ความรัก” มาเป็นอาวุธ ที่จะมาทำร้ายคู่ชีวิต คู่รัก หรือความสัมพันธ์ในรูปแบบอื่น ๆ

แน่นอนว่า เมื่อไม่สามารถอดทนกับความทุกข์ทรมานได้ ทั้งทางร่างกายและจิตใจจากการถูกทำร้ายจากแฟน หรือคนรัก เกมสล็อต สุดท้ายก็ต้องออกมาขอความช่วยเหลือ หรือทวงคืนความยุติธรรม ด้วยการแจ้งความดำเนินคดี เพื่อปกป้องตนเอง เช่นเดียวกับเคสของ นักแสดงชื่อดังอย่าง ดิว อริสรา

ที่เธอออกมาชี้แจงว่า ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เธอโพสต์แฉพฤติกรรมของพนันออนไลน์ คือ การที่ถูกทำร้ายโดยอดีตแฟนหนุ่ม โดยคนในครอบครัวของฝ่ายชายก็รับรู้ แต่ไม่มีใครยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ซึ่งทั้งหมด ดิวอ้างว่ามีหลักฐาน

ความรุนแรง

คดีทำร้ายร่างกายแฟน หรือคนรักที่เกิดขึ้นในสังคมไทย

นายนิติธร แก้วโต หรือ ทนายเจมส์ เผยว่า มีคดีทำร้ายร่างกายคนรัก เกิดขึ้นอยู่หลายรูปแบบ บางรูปแบบทำร้ายกัน ทางร่างกายและจิตใจ แต่ไม่เป็นข่าว ไม่เป็นคดี บางเคสก็เป็นคดี แต่ไม่เป็นข่าว สาเหตุที่ทำร้ายกันมีหลากหลาย ทั้งที่เหยื่อไม่ได้เป็นเหยื่อ 100% คือ ตัวผู้ที่รับบาดเจ็บ เป็นคนก่อให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทขึ้น คือ สมัครใจทะเลาะวิวาทด้วยกันทั้งสองฝ่าย โดยส่วนใหญ่ ถ้าเกิดความเสียหายขึ้นมา ผู้ชายจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะผู้หญิงร่างกายบอบบางกว่า จะได้รับความเห็นใจจากสังคมมากกว่า

ทั้งนี้ทั้งนั้น ท้ายที่สุดต้องพิจารณาถึงการทำร้ายร่างกายว่า มีเจตนาเพื่อต้องการให้อีกฝ่ายบาดเจ็บจริงๆ ไหม หรือ เป็นเพียงแค่การหยอกล้อเล่นกัน ทำร้ายกันเพราะมีการยั่วโมโห บันดาลโทสะจึงลงมือทำร้าย หรือเป็นการทำร้าย ที่เกิดขึ้นจากความรุนแรงของนิสัยบุคคลนั้นอยู่แล้ว

การดำเนินคดีเอาผิดผู้ก่อเหตุ ผู้เสียหายต้องเริ่มจากตรงไหน
ทนายเจมส์ เผยว่า เมื่อถูกทำร้ายร่างกาย สิ่งแรกที่คุณจะต้องทำ คือ การเอาตัวเองออกจากสถานที่นั้นๆ ให้เร็ว แล้วเก็บหลักฐาน หรือจดจำรายละเอียดต่างๆ ในเบื้องต้นให้ได้ เพื่อที่จะบอกกับพนักงานสอบสวนหรือตำรวจให้ได้ก่อนว่า ใครเป็นคนลงมือทำร้ายคุณ ทำร้ายที่ไหน อย่างไร และเมื่อไหร่ เพื่อที่ตำรวจจะได้เข้าไปเก็บหลักฐาน ที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ สอบพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ แล้วส่งตัวให้แพทย์วินิจฉัย ว่าร่างกายของเรานั้น มีความบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด เพื่อนำคำวินิจฉัยของแพทย์ไปประกอบสำนวนคดี แล้วตั้งข้อกล่าวหาผู้กระทำความผิดต่อไป

“คำวินิจฉัยของแพทย์” คือหลักฐานสำคัญ ที่ใช้พิจารณาและระบุโทษ

ทนายเจมส์ เผยว่า เบื้องต้นเอาตัวออกจากที่เกิดเหตุแล้วไปแจ้งความ ตำรวจจะมาเก็บภาพหลักฐาน ก่อนส่งตัวเราไปที่โรงพยาบาล ซึ่งทางโรงพยาบาลจะมีการเก็บภาพอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นแพทย์จะตรวจวินิจฉัย ว่าร่างกายของผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บจากสาเหตุอะไร เกิดจากการที่มีของแข็งมากระทบ หรือตัวเราไปกระทบของแข็ง ใช้เวลาในการรักษากี่วัน คำวินิจฉัยของแพทย์จะเป็นตัวประกอบว่า บาดเจ็บธรรมดา หรือบาดเจ็บสาหัส ซึ่งโทษก็จะแตกต่างกันด้วย

ถ้าเป็นคดีลหุโทษ ฟกช้ำดำเขียวธรรมดา เลือดไม่ออก จะเป็นโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท แต่พอเป็นบาดเจ็บมีเลือดตกยางออก ใช้ระยะเวลารักษาไม่เกิน 20 วัน โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท แต่ถ้าเมื่อไหร่ ถูกวินิจฉัยว่าบาดเจ็บสาหัส แขนหักขาหัก ทุพพลภาพเกินกว่า 20 วัน มีบาดแผลเสียโฉมบนใบหน้า หรือบนตัว กรณีแบบนี้โทษจะเพิ่มมาเป็น 10 ปี ปรับสูงสุด 1 แสนบาท

การดำเนินคดีเอาผิด ต้องใช้เวลานานแค่ไหน

ทนายเจมส์ เผยว่า ขั้นตอนในการดำเนินคดีตอบยาก เพราะแต่ละเคส มีพยานและหลักฐานไม่เท่ากัน และมีระยะเวลาในการดำเนินการไม่เท่ากัน แต่ประมาณ 1- 2 ปี ต้องมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว

“ผู้เสียหาย” เป็นหนึ่งพยานสำคัญ ของคดีทำร้ายร่างกาย

ทนายเจมส์ เผยว่า โดยปกติแล้วที่ดำเนินคดีมา พยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุแทบจะไม่มีอยู่แล้ว เพราะส่วนใหญ่เป็นแฟนกันอยู่ในห้องกันสองคน พยานจะอิงจากผู้เสียหาย ว่าใครเป็นคนทำร้ายคุณ แต่ถ้าอ้างว่ามีใครมาทำร้าย อาจจะเป็นการปรักปรำ เพราะฉะนั้นตำรวจต้องส่งตัวบุคคลให้แพทย์วินิจฉัย ว่าร่างกายนั้น เกิดจากการถูกทำร้ายจริงหรือไม่ ส่วนใครจะเป็นคนทำร้าย ก็มีผู้เสียหายเป็นพยานยืนยันอยู่แล้ว

ส่วนหลักฐานที่สองที่จะยืนยันได้ ก็คือพยานแวดล้อม เช่น พบรถมีภาพกล้องวงจรปิด ว่าทั้งสองคนเข้าไปในห้องด้วยกัน หรือมีพยานที่เป็นคนข้างบ้านได้ยินเสียงร้อง เอะอะโวยวายในบ้านหลังนั้นด้วยกัน ต้องนำประจักษ์พยานมารวมกับพยานแวดล้อม และพยานหลักฐาน ก็จะสามารถบ่งบอกได้ว่า มีการกระทำความผิดทางอาญาเกิดขึ้น และใครเป็นคนลงมือกระทำความผิดนั้น

ความสัมพันธ์ของเหยื่อกับผู้ก่อเหตุ มีผลต่อการพิจารณาคดีหรือไม่

ทนายเจมส์ เผยว่า มีแน่นอน การที่ในขณะที่คบหากันรักกัน แล้วไม่ไปแจ้งความ หนึ่งหลักฐานอาจจะจางหายไว้ ถึงแม้จะเก็บภาพถ่ายไว้เป็นหลักฐานก็ตาม แต่ถ้าแพทย์ลงความเห็นว่า “ไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่า ได้รับบาดเจ็บมากน้อยขนาดไหน และเกิดจากการทำร้ายร่างกายหรือไม่”

ถามว่าแจ้งความได้ไหม แจ้งความได้ แต่พยานหลักฐานจะรับฟังได้ไหม นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะหนึ่งระยะเวลาของแผลอาจจะจางหายไปแล้ว สองแพทย์อาจจะไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่า รูปภาพนั้นเกิดจากการทำร้ายร่างกายหรือไม่ สามระยะเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนาน ศาลอาจจะมองว่า คุณมีสาเหตุโกรธเคืองกันหรือไม่ จึงมาแจ้งความในครั้งนี้ พูดง่ายๆ คือ แจ้งความได้ แต่ช่องต่อสู้ค่อนข้างเยอะ

ฝากถึงคนที่ถูกคนรักทำร้ายร่างกาย

ทนายเจมส์ กล่าวว่า หากถูกแฟน หรือคนรักทำร้ายร่างกาย แล้วไม่กล้าแจ้งความ การที่เราไม่ออกมาปกป้องสิทธิของตนเอง ถ้าวันใดวันนึงเขามาตอแย หรือมาทำร้ายคุณอย่างต่อเนื่อง แล้วคุณไม่เก็บหลักฐานอะไรไว้ อาจจะเป็นช่องโหว่หรือเป็นช่องว่างให้ผู้กระทำความผิดใช้ต่อสู้คดีของคุณ จนเขาพ้นความผิดได้

เพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่าคุณถูกทำร้ายให้ไปแจ้งความก่อนเลย หากถูกคุกคาม ก็สามารถร้องไปที่ตำรวจหรืออัยการได้ทุกชั้น เพื่อขอให้เขาถอนประกัน หรือคุ้มครองก็ได้

อ่านข่าวเพิ่มเติม : หนาวแล้วนะ ไทยเจอมวลอากาศเย็นอีกระลอก

หนาวแล้วนะ ไทยเจอมวลอากาศเย็นอีกระลอก

หนาวแล้วนะ ไทยเจอมวลอากาศเย็นอีกระลอก ทำอุณหภูมิลดลง กทม. ต่ำสุด 20 องศา

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ มวลอากาศเย็นอีกระลอกหนึ่งได้แผ่เสริมลงมาถึงประเทศจีนตอนกลางและปกคลุมประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อยในภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ส่วนยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส และยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ประกอบกับร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคใต้ตอนล่างเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศมาเลเซียและช่องแคบมะละกา ทำให้ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 4-6 พ.ย. 65 ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคใต้ตอนกลางจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้

ข่าวสังคมวันนี้

ภาคเหนือ

อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า กับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค
อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้า
อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง

อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย
อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออก

อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย
อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)

ตอนบนของภาค มีอากาศเย็นในตอนเช้า
ตอนล่างของภาค มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร
ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

กรุงเทพและปริมณฑล

อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย
อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

อัพเดททุกข่าวสารของสังคมบ้านเมืองได้ที่นี่  >>> ผู้ว่าฯชัชขาติ ตั้งเป้ากรุงเทพฯ เป็นเมืองปลอดยาบ้า

ผู้ว่าฯชัชขาติ ตั้งเป้ากรุงเทพฯ เป็นเมืองปลอดยาบ้า

กทม. ถอดบทเรียนเหตุรุนแรงหนองบัวลำภู ตั้งเป้ากรุงเทพฯ เป็นเมืองปลอดยาบ้า โรงเรียนและชุมชนต้องปลอดภัย พร้อมจัดตั้งคณะกรรมการ Smart Safety Zone ประสานดูแล

พร้อมให้ศึกษาการใช้กัญชา-กระท่อมทางการแพทย์ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้อง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เปิดเผยถึงกรณีเหตุการณ์ที่หนองบัวลำภูว่า ขอให้คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นกรณีตัวอย่าง ที่อย่าคิดว่าจะไม่เกิดอีก กทม.เองต้องเตรียมพร้อมในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และต้องกำหนดมาตรการในโรงเรียนให้มากขึ้น ต้องไม่ให้คนอื่นเข้าในพื้นที่ และจัดให้มีระบบแจ้งเตือนป้องกันภัย

ทั้งหมดนี้อาจเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ ต้นเหตุคือที่ปัญหายาบ้า และอาวุธปืนที่ต้องเคร่งครัดมากขึ้น ทั้งนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นก็มีสัญญาณเตือนล่วงหน้ามาแล้ว มีความไม่ปกติของสภาพจิตใจของคน แต่หากคนในชุมชนเข้มแข็ง อาจจะทำให้เราเห็นได้ว่าคนในชุมชนเป็นอย่างไร และต้องแก้ไขอย่างไร

พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า หากแยกประเภทปัญหาจะพบว่าปัญหาคืออาวุธปืน ยาเสพติด และพฤติกรรมของคน เรื่องยาเสพติดในช่วงนึงก็มีนโยบายจับกุมและดำเนินคดี จากนั้นมีนโยบายผู้เสพคือผู้ป่วยซึ่งต้องทำให้การดูแลเชิงลึกขึ้น แต่หากสถานที่ไม่เพียงพอ คนดูแลไม่พอ และผู้เสพไม่ให้ความร่วมมือ ก็จะเป็นการแก้ปัญหาแบบผิวเผิน

ส่วนเรื่องของอาวุธปืนในประเทศเราทำได้ลำบากเนื่องจากในประเทศเรามีจำนวนอาวุธปืนหลักล้าน แต่นโยบายในการควบคุมอาวุธปืนก็มีความเข้มแข็งและชัดเจน คนที่จะซื้ออาวุธปืนเป็นใครบ้าง มีการพิจารณาว่าใครจะสามารถมีแล้วเก็บไว้ที่บ้าน หรือจะมีแล้วสามารถพกพาได้ ในส่วนของกทม.เป็นอำนาจของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้อนุญาตให้พกพาอาวุธปืนได้ ซึ่งในแต่ละปีมีการพิจารณาอนุญาตเพียงหลักร้อยเท่านั้น โดยเป็นผู้ที่มีความจำเป็นจริงๆ อาทิ ผู้พิพากษา อัยการ ราชทัณฑ์ ส่วนของตำรวจก็มีข้อยกเว้นหากเป็นการใส่เครื่องแบบเพื่อปฏิบัติหน้าที่

อย่างไรก็ตามผู้ว่าฯ กทม. ได้ให้นโยบายกวดขันในสถานที่ไม่จำเป็นต้องพกพาอาวุธมากขึ้น อาทิ โรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องพก และจะกำหนดมาตรการเพิ่มเติมในสถานที่อื่นด้วย ซึ่งต้องดูว่าในส่วนของกทม.มีอำนาจอย่างไรบ้าง

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวย้ำว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจังที่กทม.ต้องเข้าไปดู ต้องเพิ่มมาตรการในชุมชน เสริมกำลังในชุมชน ให้ชุมชนได้ดูแลผู้ติดยาและทำการบำบัด ซึ่งกทม.มีศูนย์บำบัดของเรา และมีศูนย์บริการสาธารณสุขที่จะร่วมดูแล แต่ กทม.จะรับไปทำให้เข้มเข้นขึ้น โดยต้องตั้งเป้าให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ปลอดยาบ้าถึงแม้จะยากหรืออยู่นอกการควบคุมของเราในหลายๆเรื่อง และชุมชน โรงเรียนต้องเป็นเขตปลอดยาบ้า ต้องตั้งเป็นเป้าหมายเพื่อให้มีมาตรการดำเนินการ ทั้งนี้ในชุมชนน่าจะมีข้อมูลและรู้กันอยู่แล้ว ประธานชุมชนรู้อยู่แล้วว่าคนไหนมีความน่ากลัวหรือจะเป็นอันตราย ต้องทำข้อมูลและทำในเชิงรุกให้เข้มแข็งขึ้น

อย่างไรก็ตามเนื่องจาก กทม. ไม่ได้มีอำนาจทั้งหมด อย่างน้อยโรงเรียนของกทม.ที่เรารับผิดชอบต้องปลอดภัย แต่รร.มีทั้งรปภ.และเทศกิจ ที่เป็นห่วงคือศูนย์เด็กเล็ก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่มีรปภ. ครูอาสาก็เป็นครูผู้หญิงหรือผู้สูงอายุ ที่ผ่านมาก็ได้หารือผบ.ตร. และคุยกันต่อเนื่องผ่านคณะกรรมการ Smart Safety Zone ซึ่งเรื่องยาเสพติดก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ได้คุยกับทางตำรวจตลอด ที่ผ่านมาอาจไม่ได้เน้น แต่ตอนนี้ต้องร่วมมือกับตำรวจให้จริงจังและมากขึ้น

สั่งศึกษาการใช้กัญชา-กระท่อมทางการแพทย์ ขอโรงเรียนให้ข้อมูลที่ถูกต้อง

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการสอบถามเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด ซึ่งเป็นเรื่องที่เราให้ความสนใจอยู่ เพราะศูนย์สาธารณสุขของ กทม.ทั้ง 69 แห่ง ให้คำปรึกษาเรื่องยาเสพติด แต่ศูนย์ที่รักษายาเรื่องเสพติดโดยตรงมีเพียง 18 ศูนย์ โดยจะเน้นเฮโรอีนกับยาบ้า แต่เฮโรอีนจะมีการให้ยาทดแทน ซึ่งปกติแล้วหนึ่งศูนย์จะมีคนมารักษาประมาณ 60 คน รวมแล้ว กทม.ดูแลเรื่องยาเสพติด 1,080 คน เฉพาะในศูนย์สาธารณสุข และมีอีก 2 แห่ง คือศูนย์พิชิตใจเป็นศูนย์ที่อยู่ยาวตั้งอยู่ที่โรงพยาบาลสิรินธร โดยจะเข้าคอร์สอยู่ประมาณ 1 เดือน ปัจจุบันมีผู้รักษาอยู่ประมาณ 35 คน อีกหนึ่งที่อยู่ที่โรงพยาบาลตากสิน

ปัญหาของการเสพยาบ้าคือ ไม่มีการให้ยารักษา แต่เฮโรอีนมีตัวยาทดแทนที่ให้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าผู้ป่วย 100% จะมีคนรักษาเฮโรอีน 80% รักษายาบ้า 20% ซึ่งเข้าใจว่ายาบ้าน่าจะมีมากกว่าเฮโรอีน แต่ไม่ได้เข้าสู่ระบบการรักษา อีกอย่างคือ การใช้ใบกระท่อมกับกัญชา ซึ่งข้อมูลที่รายงานมา มีหลายบ้านที่มีการปลูกใบกัญชาและใบกระท่อม และทุกคนมีความเชื่อว่า กินพวกนี้แล้วจะลดความดัน ลดเบาหวาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมีการเก็บข้อมูลต่อไป เพราะว่ากลายเป็นสิ่งที่หลายบ้านมีอยู่ประจำบ้าน พอกินเข้าไปบางครั้งทำให้ไม่ได้รักษาตามแผนปัจจุบัน จึงต้องเก็บข้อมูลต่อไปว่าสุดท้ายแล้วได้ผลเป็นในทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ หากหยุดยาแผนปัจจุบันไป ซึ่งช่วงแรกอาจจะดีขึ้น ในแง่สภาพจิตใจแต่ในระยะยาวต้องไปดูว่าได้ผลดีเสียอย่างไร

ทั้งนี้ในพื้นที่ดินแดงมีผู้ใช้แรงงานค่อนข้างเยอะ จึงเป็นกลุ่มตัวอย่างที่สามารถศึกษารายละเอียดได้ และให้เฝ้าระวังผลกระทบต่อประชาชนด้วย ซึ่งหากเด็กและเยาวชนเห็นสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ต้องให้ความรู้ที่ถูกต้องว่า แต่ละอย่างมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ต้องเน้นไปที่โรงเรียนด้วย จะเห็นได้ว่าในพื้นที่ดินแดงใบกระท่อมขายเยอะมาก ซึ่งถนนประชาสงเคราะห์ใบกระท่อมขายเรียงกันเป็นตับ ดังนั้นโรงเรียนต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งทุกอย่างมันมีข้อดีข้อเสีย เราต้องให้ข้อมูลในแง่การรักษาพยาบาลและโรงเรียนที่อยู่ในกำกับดูแลของกทม

ส่วนการดูแลเรื่องความปลอดภัยให้ พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดูเข้มข้นเรื่องการเข้าถึงพื้นที่ของผู้ปกครองที่จะมารับเด็ก หามาตรการจำกัดบริเวณเข้าออก เพื่อลดอัตราความเสี่ยงในการเกิดปัญหา ขณะเดียวกันต้องระวังสถานที่อื่นด้วย โดยเฉพาะศูนย์สาธารณสุข ซึ่งมีศูนย์ดูแลผู้ติดยาคงต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยด้วย เพราะจะมีคน 100 คนรับยาทุกวัน